ตำนานพระแก้วมรกต พระคู่บ้านคู่เมืองไทย

พระแก้วมรกต

หากเอ่ยถึงพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองไท ที่มีทั้งความงดงามทางศิลปะ และเปี่ยมด้วยพลังแห่งศรัทธาจากประชาชนทั่วประเทศ คงไม่มีใครไม่รู้จักพระแก้วมรกตหรือพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรซึ่งประดิษฐาน ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ในเขตพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพมหานคร

ไม่ใช่เพียงแค่ความงามขององค์พระเท่านั้นที่ดึงดูดผู้คนจากทั่วประเทศและทั่วโลกให้มากราบไหว้ แต่พระแก้วมรกตยังเต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และตำนานอันลึกซึ้งที่สืบทอดมาหลายร้อยปี ซึ่งบทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักแบบเจาะลึกถึงความเป็นมา ความศักดิ์สิทธิ์ และพลังศรัทธาที่พระองค์ทรงมีต่อชาวไทยอย่างแท้จริง

ความเป็นมาของพระแก้วมรกต

พระแก้วมรกต มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ศิลปะล้านนา ขนาดหน้าตักกว้างประมาณ 48.3 เซนติเมตร สูง 66 เซนติเมตร แกะสลักจากเนื้อหยกสีเขียวเข้มคล้ายมรกตตามชื่อที่เรียกขาน

พระพุทธรูปองค์นี้ปรากฏขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ. 1897 ณ เมืองเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ตามตำนานเล่าว่า เมื่อเกิดฟ้าผ่าที่เจดีย์วัดป่าเยี้ยะ เผยให้เห็นพระพุทธรูปองค์หนึ่งซึ่งตอนแรกเข้าใจว่าเป็นปูนพอกทอง แต่เมื่อกะเทาะปูนออกจึงพบพระแก้วมรกตภายใน และเริ่มต้นการเดินทางของพระพุทธรูปองค์สำคัญไปยังเมืองต่าง ๆ ทั้งลำปาง เชียงใหม่ ลาว เวียงจันทน์ จนกระทั่งถูกอัญเชิญมายังกรุงเทพฯ ในสมัยรัชกาลที่ 1 และประดิษฐานอยู่ในวัดพระแก้วจนถึงปัจจุบัน

ความสำคัญของพระแก้วมรกต

พระแก้วมรกตถือเป็นพระพุทธรูปสำคัญที่สุดของประเทศไทยในแง่ของพระราชพิธีและความเชื่อเรื่องสิริมงคลของบ้านเมืองโดยในแต่ละปีจะมี พระราชพิธีเปลี่ยนเครื่องทรง 3 ครั้ง ได้แก่

  • เครื่องทรงฤดูร้อน (ผ้าไหมทอง)
  • เครื่องทรงฤดูฝน (ผ้าคลุมทองลงยา)
  • เครื่องทรงฤดูหนาว (ผ้าทองประดับเพชร)

การเปลี่ยนเครื่องทรงกระทำโดยพระมหากษัตริย์หรือผู้แทนพระองค์ ซึ่งแสดงถึงความผูกพันระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับพระพุทธศาสนา และความมั่นคงของแผ่นดินไทย

ตำนานพระแก้วมรกต

ในตำนานกล่าวว่า พระแก้วมรกตสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 1 ที่เมืองปาฏลีบุตร ประเทศอินเดีย โดยฤๅษีวิสิษฏิมุนี ตามคำบัญชาของพระอินทร์ เพื่อให้เป็นพระพุทธรูปประจำเมืองศูนย์กลางพระพุทธศาสนา

ต่อมาองค์พระได้เดินทางไปยังศรีลังกา และถูกส่งมายังดินแดนสุวรรณภูมิเพื่อให้พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรือง โดยแต่ละเมืองที่องค์พระประดิษฐาน จะได้รับความเจริญทั้งทางศีลธรรม เศรษฐกิจ และความมั่นคงทางเมือง

การเคลื่อนย้ายของพระแก้วมรกตจึงเปรียบเสมือน ลางดี หรือ สิ่งนำพาความมั่งคั่ง ให้กับเมืองนั้น ๆ ตำนานเหล่านี้ช่วยหล่อหลอมความศรัทธาของชาวไทยมายาวนานนับศตวรรษ

พระแก้วมรกตกับความศรัทธาของชาวไทย

ไม่ว่าจะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปีใหม่ หรือวันพระใหญ่ ผู้คนจำนวนมากจะเดินทางมายังวัดพระแก้ว เพื่อกราบไหว้ขอพรจากพระแก้วมรกต ด้วยความเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ที่คุ้มครองบ้านเมืองและให้พรแก่ผู้ศรัทธา

นอกจากนี้ พระแก้วมรกตยังเป็นต้นแบบของพระเครื่องและพระพุทธรูปจำลอง ที่ถูกสร้างขึ้นทั้งขนาดเล็กและใหญ่ สำหรับบูชาในบ้านเรือน ร้านค้า หรือวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยเชื่อว่าการมีองค์จำลองของพระแก้วมรกตไว้บูชา จะช่วยให้บ้านร่มเย็น เจริญรุ่งเรือง และเป็นสิริมงคล

เกร็ดน่ารู้เกี่ยวกับพระแก้วมรกต

  • พระแก้วมรกตไม่ได้ทำจากมรกตจริง แต่แกะจากหยกเนื้อดี ซึ่งมีสีเขียวเข้มคล้ายมรกต
  • พระพักตร์ขององค์พระเป็นศิลปะล้านนา ซึ่งมีความอ่อนโยนแต่ทรงพลัง
  • ไม่มีการเปิดให้ประชาชนถ่ายภาพใกล้ชิด ในบริเวณภายในพระอุโบสถ
  • การขึ้นไปกราบพระองค์จริง ต้องแต่งกายสุภาพ ห้ามใส่กางเกงขาสั้นหรือเสื้อแขนกุด
  • พระแก้วมรกตถือเป็น 1 ใน 9 พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่คนไทยนิยมไปสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิต

สรุปบทความ

พระแก้วมรกตไม่ได้เป็นเพียงพระพุทธรูปที่งดงามเท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยมายาวนาน ทั้งในฐานะพระพุทธรูปประจำพระบรมมหาราชวัง และเป็นสัญลักษณ์ของความศักดิ์สิทธิ์ ความมั่นคง และความเป็นสิริมงคลของชาติไทย

ไม่ว่าคุณจะเป็นพุทธศาสนิกชนที่กำลังวางแผนเดินทางไปกราบไหว้ หรือผู้จัดงานบุญที่ต้องการเรียนรู้เพื่อใช้ถ่ายทอดความรู้แก่ผู้ร่วมงาน ร้านนวรัตน์สังฆภัณฑ์พร้อมให้คำปรึกษาด้านการกราบไหว้บูชา หรือจัดชุดสังฆทานสำเร็จรูปสำหรับถวาย พร้อมจัดจำหน่ายปลีก-ส่งทั่วประเทศ การันตีด้วยประสบการณ์กว่า 40 ปี

ติดต่อร้านนวรัตน์สังฆภัณฑ์
Line : @np1982
FB : https://www.facebook.com/Navaratretail
TikTok : @navaratshop
IG : @navaratretail